หลังจากที่ได้ชม ข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งถึงการชุมนุมของเพื่อคัดค้าน
การแปรสภาพของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จาก มหาวิทยาลัยรัฐ
เป็นมหาวิทยาลัยนอกระบบ โดยกลุ่ม สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
( สนนท )และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ประมาณ
200 คน ทำให้ความรู้สึกได้ถึงความไม่เท่าเทียมกันในด้านของความคิดโดยเห็นได้จากการ
แสดงออกอย่างชัดเจน ของ บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเรียงนามเรียกแทนตนเองว่าสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ ( สนช )
ใน ภาพข่าวที่รับชมนั้นผู้ประกาศข่าวได้บรรยายถึงสถานการณ์และเหตุผลในการ
ชุมนุมของกลุ่ม นักศึกษา ที่มีความต้องการ จะยื่นหนังสือขอระงับ การนำมหาวิทยาลัย
ดังกล่าวข้างต้นออกนอกระบบ ไว้ก่อนจนกว่าจะมีการทำประชามติทั้งในส่วนของบุคลากรและนักศึกษาภายใน
มหาวิทยาลัย โดยได้มีการทำหนังสือเพื่อยื่นให้กับ สนช
. ที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ ( พรบ. )
พระจอมเกล้าพระนครเหนือ อยู่ในรัฐสภา
แต่ หาได้มีตัวแทนจาก
สนช มารับหนังสือที่ ทางกลุ่มนักศึกษาซึ่งมาชุมนุมด้วยความสงบ
ได้นำมาเสนอเพื่อประกอบการพิจารณา จึงสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างมากจนก่อให้เกิดเหตุการณ์ปิด
ถนนขึ้น ที่หน้ารัฐสภา ถึงขั้นต้องมีการควบคุมตัวแทนนักศึกษาคนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุม
หลังจากสถาณะการณ์ทำท่าจะเริ่มเลวร้ายลง ทาง สนช จึงได้ส่งตัวแทนออกมารับหนังสือ และต่อมาจึงได้มีได้มีการปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัว
จาก ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เขียนเกิดความรู้สึกถึงการปิดกั้นการแสดงออกทางความ
คิดที่เด็กดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็นในตัวบท กฎหมายซึ่งเค้าเหล่านั้นเป็นผู้ใช้และได้รับผลกระทบโดยตรงเลยสักนิดเลยใช่
ไหมหรือว่าคำว่าสิทธิ์มีไว้สำหรับบุคคลผู้มีอำนาจที่ใช้กล่าวอ้างโดย กุมอนาคตของเด็กเอาไว้ในกำมือ
แล้ว ทีหน้าทีหลังก็อย่าไปโทษเลยที่ว่าเด็กสมัยนี้ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในทาง
ที่สร้างสรรค์ทั้งที่ในเมื่อมีการแสดงออกถึงสิทธิในการคัดค้านตามแนวทาง ประชาธิปไตยอย่างชอบธรรม
ท่านกลับแสดงออกต่อการกระทำนั้นอย่างสิ้นเยื่อใย โดยไม่นึกถึงความรู้สึกของเด็ก หรือท่านคิดว่าการแสดงสิทธิ์คัดค้านเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เพียงเพราะความคิด
เห็นที่นำเสนอไปนั้นไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่าน
"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น